จากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้สถาบันเสริมความงาม คลินิกความงาม ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีกหลายจังหวัด ต้องปิดทำการชั่วคราว
ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสถานเสริมความงามต้องปรับแนวทาง และ หากลยุทธ์ที่จะนำพาให้ธุรกิจอยู่รอด หนึ่งในกลยุทธ์นั้น คือ การปรับปรุงพัฒนาบริการ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ ย่อมทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของ การดูแลสุขภาพ มากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องความสวยงาม การดูแลผิวพรรณภายนอก ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน การพักผ่อน การออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค
ดังนั้นคลินิกความงามที่มีเฉพาะบริการทรีทเมนต์ผิว ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ จึงจำเป็นต้องมองหาสินค้า และ บริการที่สอดคล้องกับการเสริมสร้างสุขภาพ
ศาสตร์ด้านหนึ่งที่น่าสนใจ และ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น คือ เวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
Regenerative Medicine คือศาสตร์ทางการแพทย์ที่ใช้ป้องกันและฟื้นฟูร่างกายให้ดูดีจากภายในสู่ภายนอกแบบองค์รวม เพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ เสริมสร้างภาวะสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด เสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ลดปัจจัยเสี่ยงของโรค
แต่การให้บริการด้านศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ ในปัจจุบันมีให้บริการในโรงพยาบาลชั้นนำเป็นส่วนใหญ่ และ มีอัตราค่าบริการค่อนข้างสูง
หากผู้ประกอบการคลินิกความงาม สามารถนำศาสตร์ด้านนี้มาผสมผสานกับบริการด้านความงาม เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ก็จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และ คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และ ช่วยเพิ่มโอกาสการอยู่รอดในธุรกิจคลินิกความงาม
