โอกาสทาง ธุรกิจของคลินิกเสริมความงาม โดย ศูนย์วิจัยกสิกร
ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม เป็นธุรกิจที่เติบโตมาจากความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะมี รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ หรือบุคลิกภาพที่ดูดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองมากขึ้น ปัจจุบันธุรกิจนี้กำลังเป็นหนึ่งในธุรกิจดาวรุ่งที่สร้างผลกำไรให้แก่ผู้ประกอบการอยู่ไม่น้อย สะท้อนจากเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้ ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี
จากจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย มีตั้งแต่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มวัยทำงาน ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผู้สูงวัย ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายราย มองเห็นโอกาสและต้องการที่จะเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างจะ ดุเดือด เพื่อต้องการแย่งชิงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากที่สุด
สิ่งหนึ่งที่พอจะสังเกตได้จากความเคลื่อนไหวในตลาด ก็คือ
การขยายตัวของธุรกิจนี้ ไม่จำกัดอยู่แค่ในเขตตัวเมืองอย่างกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ของผู้คนใน สังคมเมืองที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเริ่มกระจายตัวออกไป เปิดตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือแม้แต่การเปิดตัวใหม่ของคลินิกเสริมความงามในรูปแบบ Stand-Alone (ตั้งอยู่เดี่ยวๆ มีอาคารเป็นของตัวเอง)
ซึ่งเป็นผลมาจากดีมานด์ในตลาด บริการที่หลากหลาย และพฤติกรรม ผู้บริโภคที่ให้การตอบรับและสนใจที่จะเข้ามาใช้บริการกับคลินิกเสริมความงามมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นทางธุรกิจที่น่าสนใจ & โอกาสและอุปสรรคที่ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเรียนรู้
หากวิเคราะห์ถึงความเคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจคลินิกเสริมความงาม มีประเด็นที่น่าจับตาสำหรับ ผู้ประกอบการอยู่ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และการรับมือกับคู่แข่งในธุรกิจ โดยมีรายละเอียดดังนี้
การตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย:
ปัจจุบันคลินิกเสริมความงามมีรูปแบบ การให้บริการที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีความหลากหลายของระดับราคา ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร ทั้งนี้ หากเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง
ตัวอย่างลูกค้าในกลุ่มนี้ ได้แก่ กลุ่มดารา/นางแบบ Celebrity ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม รวมไปถึงกลุ่มเจ้าของกิจการ ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ คือ มาตรฐานการให้บริการที่เป็นมืออาชีพโดยแพทย์เฉพาะทาง เน้นความเป็นส่วนตัวและ
คาดหวังกับการให้บริการในระดับสูง และที่สำคัญคือ ราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจใช้บริการของลูกค้ากลุ่มนี้ ในขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง ถึงล่าง หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นลูกค้าระดับแมส กลุ่มนี้เป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของคลินิกเสริมความงาม
(คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของลูกค้าทั้งหมดที่ใช้บริการ) ตัวอย่างลูกค้าในกลุ่มนี้ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษาและวัยทำงาน เป็นต้น ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้คือ ชื่นชอบการรักษา/ให้บริการที่เห็นผลรวดเร็ว ภายใต้ระดับราคาที่สมเหตุสมผล เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก และราคามีส่วนต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการมาก พอๆ กับผลของการรักษาหรือบริการ อีกทั้งยังมีความถี่ในการเข้ารับบริการค่อนข้างสูง
เนื่องจากเป็นสิ่งที่ต้องทำ อย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า ด้วยความต้องการที่หลากหลายแตกต่างกันไป เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากสำหรับ ผู้ประกอบการที่จะวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุก Segment
เพราะแต่ละบริการมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าต้องการเจาะลูกค้าประเภทไหน เพื่อที่จะได้วางแผนและดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้งบประมาณที่วางไว้
การรับมือกับคู่แข่งในธุรกิจ:
มองย้อนไปในระยะ 4-5 ปี ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จะพบเห็นการเปิดตัว หรือขยายสาขาของคลินิกเสริมความงามเป็นจำนวนมาก และค่อนข้างที่จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคพอสมควร ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการระดับบน ที่มีจุดขายอยู่ที่การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ ทันสมัยหรือผู้ประกอบการระดับแมส ที่เน้นไปที่ความเชี่ยวชาญชำนาญการของแพทย์เฉพาะทางหรือ บุคลากรที่ให้บริการ มาเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพของการให้บริการ
หากจะสังเกตให้ดี จะเห็นว่าในระยะหลัง การแข่งขันที่เกิดขึ้น ในตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ที่การช่วงชิงลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้โปรโมชั่นด้านราคา ทั้งการลด แถม หรือเหมาจ่ายในราคาที่ดูคุ้มค่ามากขึ้น เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้การพัฒนา ในส่วนของนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเลยทีเดียว
ซึ่งการแข่งขันในส่วนนี้จะเข้มข้นมากในตลาดระดับแมส (ขณะที่ ในตลาดระดับบนผู้ประกอบการจะชูจุดขายด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นสำคัญ) ซึ่งสร้างความกดดันไม่น้อยแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด เนื่องจากฐานลูกค้ายังไม่มาก อีกทั้งความเชื่อมั่นที่มีต่อคลินิกและบุคลากร ยังน้อย
ดังนั้น จึงต้องอาศัยงบการตลาดและการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างสูง รวมไปถึงกลุ่มผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามแบบดั้งเดิมที่ไม่มีการปรับโฉมธุรกิจและกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสื่อสารไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ มากเท่าที่ควร ทำให้ฐานลูกค้าไม่เติบโตและมีแนวโน้มลดลง
มองไปข้างหน้า จะพบว่า ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้จากทัศนคติของผู้คนที่ให้ความสำคัญกับ ความสวยความงาม และมีความเต็มใจที่จะจ่ายสูง เพื่อให้ตัวเองดูดีในสังคม ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเฉลี่ยไม่สูงมาก (เริ่มต้นที่หลักร้อย) เป็นจุดจูงใจให้ลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน ที่มีความถี่ที่จะเข้ามาใช้บริการค่อนข้างสูง ซึ่งแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบบ้างต่อกำลังซื้อ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างกลุ่มตลาดแมส แต่สำหรับตลาดระดับบน จะพบว่าไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจใช้บริการ เพราะราคาไม่ใช่ประเด็นหลักแต่เน้นไปที่ความพึงพอใจที่จะได้รับจากการบริการมากกว่า
นอกจากนี้ การขยายตัวของความเป็นเมือง ยังส่งผลให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีโอกาสขยายไปสู่ตลาดต่างจังหวัด เพิ่มมากขึ้น รับดีมานด์ในตลาดภูมิภาค แต่ก็ต้องเตรียมรับมือกับอุปสรรคบางประการด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่หายากและมักจะมีค่าตัวสูง อีกทั้งมีแนวโน้ม ถูกดึงตัวจากคู่แข่ง โดยเฉพาะพนักงานบริการที่มีทักษะความชำนาญและประสบการณ์การทำงานสูง รวมไปถึง การลงทุนในเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง
ดังนั้น หากลูกค้ามาใช้บริการน้อย และไม่สม่ำเสมอ ความคุ้มค่าด้านการลงทุนก็จะต่ำและขาดทุนในที่สุด (โดยเฉพาะการสั่งซื้อเครื่องมือ/สินค้าความงาม) นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันเริ่มหันมาหาความรู้และข้อมูลด้านความงามด้วยตัวเอง และเลือกซื้อเวชสำอาง มาใช้เองมากขึ้น ทำให้โอกาสในการเข้าไปใช้บริการคลนิกเสริมความงามมีแนวโน้มลดลง (ในกรณีที่ลูกค้ารายนั้น ไม่ได้มีปัญหาด้านผิวพรรณมากนัก)
สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดข้างต้น สะท้อนให้เห็นทั้งโอกาสและความท้าทาย อย่างไรก็ดีหากผู้ประกอบการในธุรกิจ สามารถตีโจทย์ให้ออกว่า ผู้บริโภคที่เป็นแรงขับเคลื่อนในตลาดต้องการอะไร และวิธีการไหนตอบสนองได้อย่าง ตรงจุด แน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อการดำเนินงานและผลประกอบการที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจในระยะยาว
กลยุทธ์การบริหารธุรกิจคลินึกเสริมความงามให้ประสบความสำเร็จและเติบโตได้ในระยะยาว
แม้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามจะเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ค่อนข้างจะมีอนาคต แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีผู้ประกอบการไม่น้อยที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรจากธุรกิจนี้ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ผู้ประกอบการควรปรับรูปแบบการวางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพลวัตที่เกิดขึ้นในตลาด เพราะสิ่งนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของธุรกิจ ซึ่งมีแนวทางดังต่อไปนี้
มีการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนธุรกิจ:
แนวทางสำหรับ ผู้ประกอบการที่จะต้องพิจารณาในการเข้าสู่ตลาด ได้แก่…
1) งบประมาณในการลงทุน เพื่อกำหนดรูปแบบของการทำธุรกิจและมีส่วนตัดสินใจในการ คัดเลือกทำเลที่ตั้ง ทีมแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ นวัตกรรม รวมไปถึงกลยุทธ์ทางการตลาดและ Know How ของคลินิกเสริมความงาม
โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ได้แก่ ทำเลที่ตั้ง หากตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือย่านชุมชน ข้อดีคือ ได้ลูกค้ามาก แต่ข้อเสียที่พบคือ ค่าเช่าสูงและถูกรายล้อมด้วยคู่แข่งที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ดังนั้น ธุรกิจอาจถูกบีบให้ต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคามาใช้ในการแข่งขัน ส่วนในกรณีที่สอง หาก Stand-Alone ไม่ได้อยู่ในทำเลทอง ข้อดีคือ มีพื้นที่มากกว่า และสามารถให้บริการที่เฉพาะทางมากกว่า แต่การทำการตลาดจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ควรเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขี้น เช่น กลุ่มระดับบนที่เน้นความเป็นส่วนตัว และมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่สูงกว่าในรูปแบบแรก
2) กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ว่าจะเน้นให้บริการอะไรกับกลุ่มไหน เพราะส่วนนี้มีผลโดยรวมต่อการวางแผน ดำเนินธุรกิจในภาพรวม โดยเฉพาะในการจัดซื้อจัดหานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาให้บริการ เพราะ ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดทุนส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนในส่วนของการซื้อเทคโนโลยี และอุปกรณ์ราคาแพง โดยหวังว่าจะใช้เป็นจุดขาย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถบริหารร้านให้ คนมาใช้บริการได้ตามที่คาดการณ์ไว้ และที่สำคัญคือ คู่แข่งในตลาดก็มีเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบ การจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบในประเด็นนี้
3) คู่แข่งในตลาด การพิจารณาคู่แข่ง ทั้งใน Segment เดียวกันเอง และสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มี วางจำหน่ายในตลาดความงาม ซึ่งเป็นคู่แข่งทางอ้อม ก็จะทำให้ทราบถึงจุดแข็งจุดอ่อน และสามารถ นำมาพัฒนาให้เกิดความแตกต่างและน่าสนใจให้แก่ธุรกิจของตนเอง
ปรับปรุงแนวทางการบริหารกิจการให้คนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง:
สิ่งสำคัญสำหรับการตลาด ในปัจจุบันคือ การสร้างการจดจำและสร้างความโดดเด่นในรูปแบบการรักษาหรือการให้บริการ ดังนั้น การปรับ กลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้กิจการสามารถดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในทั้งแง่ ของจำนวนผู้ใช้บริการและความถี่ในการเข้ารับบริการ
ตัวอย่างกลยุทธ์ทางการตลาดน่าสนใจ และมีแนวโน้มประสบผลสำเร็จสูงในแวดวงคลินิกเสริมความงาม
1) รูปแบบการชำระค่าบริการ: ควรมีทางเลือกให้ผู้บริโภคได้เลือกชำระเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจ่ายเงินสด อาทิ การผ่อนจ่าย 0% การทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต หรือการนำเสนอแพ็คเกจในรูปแบบเหมาจ่ายในราคาที่ถูกลง เป็นต้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้บริโภคกล้าตัดใช้บริการกับทางร้านมากขึ้น
2) ปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและกระแสสังคมในขณะนั้น สร้างการให้ความรู้: เช่นในยุคที่สื่อออนไลน์มีบทบาทต่อการดำรงชีวิต การทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์อาจจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น–วัยทำงาน มากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้ชื่นชอบหาข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางนี้เป็นประจำ หรือในกรณีภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้านราคา ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มธุรกิจที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับแมสที่รายได้ไม่สูงมาก แต่ยังอยากดูแลความสวยความงามอยู่ หรือ ฐานลูกค้าเก่าโดยการให้สิทธิพิเศษด้านโปรโมชั่น เป็นต้น
3) การชูจุดขายผ่านทีมแพทย์: ผู้ประกอบการควรเลือกทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ที่มีความชำนาญเข้ามาให้บริการ และหากมีผลงานที่สร้างความประทับใจ ก็น่าจะทำให้ผู้บริโภครายใหม่ๆ สนใจและอยากมาใช้บริการมากขึ้น (เพราะความสำเร็จส่วนใหญ่มักมาจากการบอกต่อถึงผลลัพธ์จาการใช้บริการที่ได้ผล)
4) ขยายขอบเขตการให้บริการ: ในอดีตคลินิกรักษาความงาม มักจะครอบคลุมการบริการ ในเชิงของการรักษาเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบัน อาจจะต้องเสริมบริการอื่นๆ หรือขยายไลน์การให้บริการเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าด้วย เช่น การรักษาสิว แล้วต่อด้วยคอร์สลบริ้วรอยและบำรุงผิวหน้าในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะธุรกิจเสริมความงามที่เปิดมานาน ทำการพัฒนามาตรฐานหรือรูปแบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
5) ปรับปรุงโลเกชั่นและบรรยากาศภายในร้าน: ให้สะอาด ทันสมัยและดูสบายตา ให้ความรู้สึกน่าเข้าไปใช้บริการ ในส่วนนี้อาจจะเพิ่มในส่วนของการเทรนนิ่งพนักงานในเรื่องของบริการและบุคลิกภาพที่เอื้อต่อการให้บริการให้ดูมีความเป็นมืออาชีพเข้าไปด้วย
ความเชี่ยวชาญของบุคลากรและการให้บริการของพนักงาน:
สิ่งที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการจะได้รับจาก คลินิกเสริมความงามในปัจจุบันก็คือ การให้บริการแล้วเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงาน ที่ต้องการสวยด่วนสวยเร็ว) ผลการรักษาต้องเป็นที่พึงพอใจ มีความรู้สึกปลอดภัย และได้รับความสะดวกในการมาใช้บริการ
ดังนั้น การมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ที่จะคอยให้การรักษาและแนะนำทางเลือก ที่เหมาะสมแก่ลูกค้า ถือเป็นตัวชูโรงที่สำคัญยิ่ง เพราะปัจจุบันลูกค้ามีการศึกษาหาข้อมูลบ้างพอสมควรก่อนเข้ามา รับการบริการ ด้วยเหตุนี้ ในพักหลังจะเริ่มเห็นการทำการตลาดผ่านทีมแพทย์มากขึ้น ซึ่งนับเป็นคีย์แมนสำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นต่อบริการของคลินิก โดยแพทย์ที่มีบุคลิกภาพที่ดี มีความทันสมัย เข้าใจและมีประสบการณ์เกี่ยวกับนวัตกรรมหรือรูปแบบการรักษาใหม่ๆ
พบว่ามีส่วนสำคัญมากต่อการตัดสินใจของลูกค้าเพื่อรับบริการ นอกเหนือจากเครื่องมือและเทคโนโลยีการรักษาที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากในระดับสากล รวมไปถึงบริการที่ประทับใจและแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของพนักงานที่ให้บริการภายในร้าน
การใช้สื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการโฆษณา:
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การสื่อสารไปสู่ผู้บริโภคเป็นปราการด่านแรกที่จะทำให้ผู้บริโภครู้จักและรับรู้ถึงรูปแบบการให้บริการของคลินิก ดังนั้น สื่อประชาสัมพันธ์ จึงมีอิทธิพลสูงต่อการรับรู้ที่เกิดขึ้นในสังคม
ตัวอย่างของการสร้างการรับรู้ไปสู่ผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ
1) ในกรณีที่มีความพร้อมด้านเงินทุนและบุคลากร: การประชาสัมพันธ์ร้านผ่านผู้มีชื่อเสียง ในแวดวงความงาม เช่น กลุ่มดารา นางแบบ Celebrity หรือ Beauty Blogger น่าจะมีส่วนอย่างมากที่จะ สร้างการรับรู้ในวงกว้าง โดยสื่อที่คาดว่าจะได้รับความสนใจในปัจจุบันได้แก่ สื่อออนไลน์ อาทิ Facebook Instagram ทั้งในส่วนของเพจหลักของร้านเอง หรือผ่านการโพสของเหล่าคนในแวดวงความงามเหล่านี้ เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีแฟนเพจติดตามเป็นจำนวนมาก
2) ในกรณีที่มีงบค่อนข้างจำกัดและแบรนด์ไม่แข็งแกร่งมากนัก: อาจจะทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ได้เช่นกัน โดยกลยุทธ์อาจจะมุ่งไปที่
1) การนำเสนอผลการรักษาจากลูกค้าที่เข้ามารับบริการและเห็นผลอย่างชัดเจน เพื่อดึงดูดความสนใจ
2) ใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่สมเหตุสมผลแต่ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ใหญ่ๆ
3) ใช้วิธีการนำเสนอในรูปแบบบอกต่อหรือชักชวนคนรู้จักให้เข้ามาใช้บริการและได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ หรือ
4) เพิ่มการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโปรโมชั่นให้มากขึ้น ตามแหล่งชุมชน ออฟฟิศหรือสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจเข้าใช้บริการ เป็นต้น
การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ สิ่งที่ควรนำเสนอควรมุ่งเน้นไปที่ รูปแบบการให้บริการข้อมูลที่เป็นคำแนะนำแก่ลูกค้า โปรโมชั่น รวมถึงผลลัพธ์หรือตัวอย่างของผู้รับบริการที่น่าพอใจ ซึ่งเหล่านี้เป็นจุดขายที่สำคัญที่จะช่วยสร้างความน่าสนใจต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี การทำการตลาดช่องทางนี้ควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลูกค้าจะได้ทราบความเคลื่อนไหวของร้าน ในขณะเดียวกันทางร้านก็จะได้รับทราบ Feedback เพื่อนำมาปรับปรุงบริการของร้านให้ดียิ่งขึ้น
โอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ในกรณีของผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านบุคลากรและเงินทุน:
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจ รายได้และกำลังซื้อกำลังเติบโต และผู้คนหันมาใส่ใจกับบุคลิกภาพและความสวยงามมากขึ้น โดยรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมและประสบผลสำเร็จสูงในขณะนี้ จะอยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ของแบรนด์คลินิกเสริมความงามที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอาจจะเริ่มต้นจาก การขยายสาขาเพื่อให้บริการในหัวเมืองสำคัญๆ ก่อนเป็นสาขาแรก เมื่อประสบผลสำเร็จถึงจะขยายสาขาต่อไป
โดยในระยะแรก อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่หลากหลายพอสมควรเพื่อสร้าง การรับรู้ทั้งสื่อโฆษณา (ป้ายโฆษณา แบนเนอร์นิตยสาร) รวมไปถึงสื่อออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการประชาสัมพันธ์ควรนำเสนอทั้งในส่วนของรายละเอียดการให้บริการ เครื่องมือ/เทคโนโลยีที่ใช้ โปรโมชั่น หรือตัวอย่างของความสำเร็จที่ได้รับจากคลินิก เพื่อการันตีถึงคุณภาพของการให้บริการ และหากมีพรีเซนเตอร์ ที่เป็นที่รู้จักหรือมีชื่อเสียง ก็มีส่วนอย่างมากที่จะจูงใจให้คนไวว้างใจและกล้าตัดสินใจเข้ามาใช้บริการมากขึ้น (อนึ่งในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ควรใช้เป็นภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย)
ซึ่งการขยายโอกาสในต่างประเทศ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายฐานลูกค้าได้ แต่ก็ควรศึกษากฎระเบียบต่างๆ ให้ถี่ถ้วนด้วย
โดยสรุป เรื่องความสวยความงาม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับหน้าตา รูปร่างและบุคลิกภาพ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอยู่บ้าง ดังนั้น ตลาดของธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ยังมีศักยภาพเติบโตจากปัจจุบัน แต่โจทย์ที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในขณะนี้ก็คือ ทำอย่างไรที่จะจูงใจให้ผู้คนเหล่านั้นหันมใช้บริการ และมีความจงรักภักดีรวมถึงเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถตอบโจทย์ที่เกิดขึ้นได้และพัฒนาไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้นๆ และฉีกความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด แน่นอนว่าผลตอบแทนทางธุรกิจก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
Disruption Beauty Clinic 2019 !
ธุรกิจสถานประกอบการ ความงามยังน่าลงทุนอยู่มั๊ย ?
สำหรับท่านที่กำลังจะลงทุน ธุรกิจคลินิกความงาม – ปรึกษาผมได้ สถาบันฝึกอบรมธุรกิจความงาม ด๊อกเตอร์คอสเมติกส์